ประชาสัมพันธ์เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า
18 ตุลาคม 2567ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง
บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวนำความร้อนให้เกิดการเผาใหม่ของเหลว (น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) ที่อาจประกอบไปด้วย นิโคติน สารปรุงแต่งรส และสารเติมแต่งอื่น ๆ ตามน้ำยาแต่ละตัว โดยบุหรี่ไฟฟ้าจะประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 อย่างคือ แบตเตอรี่ที่ช่วยทำให้เกิดไอน้ำและความร้อน สารแต่งรส/แต่งกลิ่น และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (e-liquid) ที่มีรสชาตและกลิ่นที่แตกต่าง
สารประกอบที่อยู่ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
1. นิโคติน
นิโคตินเป็นสารเสพติดสูงที่ได้มาจากยาสูบเป็นหลักและเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า แม้ว่านิโคตินจะถูกส่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่ทั่วไป แต่นิโคตินยังคงเป็นข้อกังวลเนื่องจากมีลักษณะเสพติดและส่งผลเสียต่อสุขภาพ รวมถึงการทำงานของปอด
2.โพรไพลีนไกลคอลและกลีเซอรีน
โพรไพลีนไกลคอลและกลีเซอรีนทำหน้าที่เป็นส่วนผสมหลักใน e-liquid ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำไอและรสชาติ โดยองค์กรอาหารและยาได้ยืนยันความปลอดภัยในด้านอาหารและยาแล้วแต่ยังไม่ยืนยันในกรณีการเปลี่ยนรูปเป็นไอน้ำ
3.สารแต่งกลิ่นและรส
ในทุกน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าประกอบไปด้วยสารเคมีที่ใช้แต่งกลิ่นและรส ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของอาหารที่มีรสชาติหวานหรือรสผลไม้ ไปจนถึงรสเมนทอลหรือให้รสชาติที่เหมือนกับการสูบบุหรี่จริงๆ ต่อให้สารประกอบเหล่านี้จะปลอดภัยในด้านอาหารและยาแต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ถึงความปลอดภัยจากการเผาไหม้และควันบุหรี่ไฟฟ้า
โทษบุหรี่ไฟฟ้าและความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย/ปอด/หัวใจ
แม้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไป แต่บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง สารพิษบุหรี่ไฟฟ้าสามารถส่งผลกระทบได้ทั้งกับ ร่างกาย ปอด และหัวใจ:
ผลกระทบกับสุขภาพทั่วไป:การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายและอาจทำให้เกิดการเสพติดนิโคติน ซึ่งส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง และผลเสียต่อการพัฒนาสมองในเด็กและวัยรุ่น
สุขภาพปอด: พิษบุหรี่ไฟฟ้าจากการสูบไอเข้าไปจะทำให้ปอดสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตรายซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอ หายใจมีเสียงหวีด และการกำเริบของโรคที่มีอยู่เดิม เช่น โรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
สุขภาพของหัวใจ: นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่สามารถทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด และเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ส่งผลให้เกิดปัญหาหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง